Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: Thailand recalls its ambassador to protest Cambodia's appointment of Thaksin
Anonymous

Date:
RE: Thailand recalls its ambassador to protest Cambodia's appointment of Thaksin
Permalink Closed


Anonymous wrote:

โพลเกือบ90% ชี้ทักษิณทำเพื่อตัวเอง-64.7%หนุนเรียกทูตกลับ

เอแบคโพลเผย 83.1%เห็นพท.-กัมพูชา-ทักษิณก่อผลเสียให้ไทย 88.1ทักษิณทำเพื่อตัวเอง 64.7หนุนเรียกทูตไทยกลับ 60%นิยม"อภิสิทธิ์" 77.8ให้ทำงานต่อ

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) กล่าวถึงผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพลล์” สำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไว จากนั้นประมวลผลด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจ  เรื่องเสียงสะท้อนของสาธารณชนต่อบทบาททางการเมืองของบุคคลนัยสำคัญทางการเมืองของประเทศในปัจจุบัน กรณีศึกษาประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ 

ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ พิจิตร เพชรบูรณ์  นครพนม ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สงขลา และยะลา จำนวนทั้งสิ้น 1,127 ครัวเรือน จำแนกเป้นตัวอย่างร้อยละ 50.2 เป็นหญิง ร้อยละ 49.8 เป็นชาย ตัวอย่างร้อยละ 7.7 อายุต่ำกว่า 20 ปี    ร้อยละ 20.1 อายุระหว่าง 20 - 29 ปี ร้อยละ 21.3  อายุระหว่าง 30 - 39 ปี ร้อยละ 23.3  อายุระหว่าง 40 - 49 ปี และ ร้อยละ 27.6 อายุ 50 ปีขึ้นไป 

ตัวอย่างร้อยละ 69.6  สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี รองลงมาคือร้อยละ 24.1สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 6.3  สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี  ตัวอย่างร้อยละ 30.8 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป   ร้อยละ 29.7  ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 15.2  ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ  11.0  ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 5.7 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 4.9 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ในขณะที่ร้อยละ 2.7 ระบุว่างงานดำเนินการสำรวจในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์

เมื่อสอบถามถึงบทบาททางการเมืองระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พบส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.1 มองว่าเป็นผลเสียต่อประเทศไทย ขณะที่ร้อยละ 16.9 มองว่าเป็นผลดีต่อประเทศไทย นอกจากนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.1 ยังมอง พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทำเพื่อประโยชน์ให้ตนเอง แต่ร้อยละ 11.9 คิดว่าเป็นการทำประโยชน์ให้กับประเทศ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.6 ระบุไม่เคยได้รับประโยชน์อะไรโดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะที่ร้อยละ 17.4 บอกว่าเคยได้รับผลประโยชน์โดยตรงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

เมื่อถามถึงแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต เกี่ยวกับ นครปัตตานี ในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.7 ไม่เห็นด้วย แต่ร้อยละ 19.3 เห็นด้วย ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.7 ระบุว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของทั้ง พล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งล่าสุด ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย แต่ร้อยละ 15.1 ระบุทั้งสองคนกำลังทำเพื่อประเทศไทย ร้อยละ 7.5 ระบุ พล.อ.ชวลิตกำลังพยายามทำเพื่อประเทศชาติ และร้อยละ 6.7 มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทำเพื่อประเทศชาติเช่นกัน

ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.3 กังวลการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาผู้นำกัมพูชา จะกลายเป็นสาเหตุไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายระหว่างประเทศ ในขณะที่ร้อยละ 28.7 ไม่คิดเช่นนั้น นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.7 เห็นด้วยกับรัฐบาลที่เรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ ในขณะที่ร้อยละ 35.3 ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.7 หวังว่าทั้งสองประเทศจะหันมาร่วมมือกันด้วยดี ในขณะที่ร้อยละ 41.3 ไม่ได้หวังเช่นนั้น

เมื่อพิจารณาแนวโน้มความนิยมของสาธารณชนต่อนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่ที่ร้อยละ 60.0 ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงไม่แตกต่างไปจากการสำรวจครั้งก่อนเท่าใดนักคือร้อยละ 21.0 ที่เหลือไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.9 ยังคงให้โอกาสรัฐบาลชุดปัจจุบันทำงานต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 14.5 ไม่ให้โอกาสแล้ว และร้อยละ 7.6 ไม่มีความเห็น

นายนพดล กล่าวว่า บทบาททางการเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังเพลี่ยงพล้ำจนส่งผลให้จะประสบความยากลำบากในการได้รับฐานสนับสนุนจากสาธารณชนมากขึ้น ถึงแม้กลุ่มคนที่ยังคงรัก พ.ต.ท.ทักษิณ จะเหนียวแน่นเหมือนเดิม แต่ยังมีจำนวนไม่มากพอที่จะทำให้เกิดกระแสคล้อยตามบทบาททางการเมืองทั้งของ พล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเวลานี้

แต่ถ้ามีการปรับเปลี่ยนการทำงานทางการเมือง เช่น เปิดศูนย์ข้อมูลรื้อฟื้นความทรงจำของประชาชนต่อผลงานของอดีตนายกรัฐมนตรี และเน้นการทำงานเชิงสร้างสรรค์เสนอแนะเป็น “ที่ปรึกษาประเทศไทย” น่าจะเป็นผลดีต่อฐานสนับสนุนทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยมากกว่า แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ แนวคิดที่จะให้กลุ่มคนที่นิยมศรัทธาอย่างเหนียวแน่นเป็นเครื่องมือนำไปสู่การตัดสินใจใช้ความรุนแรงต่างๆ ห่ำหั่นกันเพื่อเดินเกมช่วงชิงอำนาจทางการเมืองกันโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศชาติ



Such a boring!!!!yawn 

Why those Thai people using our Lao webboard to fight each other for?

Who care about your country? Please leave your comment to other Thai websites, please.confuse

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

Such a boring!!!!yawn 

Why those Thai people using our Lao webboard to fight each other for?

Who care about your country? Please leave your comment to other Thai websites, please.confuse

 



 No, at least for the last 10 posts it's all about the yellow shirt and Lao people. The red shirt already stoped argueing with the yellow shirt because the red shirt can respect other's opinion unlike the yellow shirt. If you don't agree with them they will call you stupid or a buffolo and then they will try to brainwashing you with the nasty informations don't you see even the news headline of thier news are mislead and so nasty.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ຂອບໃຈ ທ່ີົຄນໄທ ມາເປີດໄຫປາແດກຂອງຕົນໃຫ້ຜູ້ອື່ນເຫັນ. ຄົນລາວເຫັນວ່າມີປະຊາທິປະໄຕຫຼາຍເກີນຂອບເຂດ ມັນຈະພາປະເທດຊາດວາຍວອດແລະພງັທະລາຍເຫມືອນໃນອາດີດ ແລະ ວຸ່ນວາຍຄືສັງຄົມໄທ ໃນທຸກມື້ນີ້ລະ. ຄົນລາວເຫັນວ່າໃນສະພາບປະຈຸບັນີິ້ລັດຖະບານລາວ ຖືສັນຕິພາບ,ຄວາມຫມັ້ນຄົງ ແລະ ປອດໄພ ເປັນບຸລິມະສິດ ເພືອໃຫ້ປາຊາຊົນມີໂອກາດ ໄດ້ພັດທະນາປະເທດຊາດ,ມີຄວາມຍຸດຕິທຳ ແລະປະຊາທິປະໄຕໃນບາດກ້າວຕໍ່ມາ. ລາວໃຖານະປະເທດເພືອນບ້ານ ແລະ ເປັນປະເທດເອກະລາດ ຈະຕິດຕາມສະພາບການການຜັນແປໃນດ້ານການເມືອງຂອງໄທ ຢ່າງໃກ້ສິດ ເພືອບໍ່ໃຫ້ມັນຊໍ້າຮ້ອຍຄືໃນອາດີີດທ່ີຜ່ານມາ.ລາວຍາມໃດກໍ່ຍືດຫມັ້ນໃນຫັຼກການ ບໍເຂົ້າຍຸ້ງກ່ຽວ ວຽງານ ແລະພາລະກິດພາຍໃນຂອງປະເທດອືນ່.

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ແມ່ນແລ້ວ,  ເລືອງໂຕ ກໍ່ມາ ໂຄສະນາໃຫ້ຜູ້ອື່ນຮູ້.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Spinning for the government and a push poll?

http://asiancorrespondent.com/bangkok-pundit-blog/spinning-for-the-government-and-a-p.htm

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

คลังทบทวนเงินกู้กระทรวงต่างประเทศ-ตัดทุน นศ.เขมร
blank.gif
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน9 พฤศจิกายน 2552 01:10 น.

"กรณ์" ลั่นพร้อมทบทวนความช่วยเหลือทางการเงินแก่รัฐบาลกัมพูชา ยันการลดระดับความสัมพันธ์ ไม่กระเทือนเศรษฐกิจและการเป็นผู้นำอาเซียนของไทย นักเรียนทุนเขมรอ้วก ก.ต่างประเทศเตรียมหยุดช่วยเหลือ
       
       นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ ผ่านระบบเวบคอนเฟอเรนซ์ จากประเทศสก็อตแลนด์ ว่า กระทรวงการคลังจะทบทวนการให้ ความช่วยเหลือทางการเงินตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับรัฐบาลกัมพูชา โดยจะเน้นที่ประโยชน์ของประเทศชาติ หากโครงการใดดำเนินไปแล้วก็ให้มีความต่อเนื่อง แต่ ในส่วนที่ยังไม่ได้มีการเบิกจ่าย ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้
       
       ทั้งนี้ ความช่วยเหลือทางการเงินต่อรัฐบาลกัมพูชามีทั้งหมด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างถนนสายอลองเวย์-เสียมเรียบ วงเงิน 1,200 ล้านบาท โครงการสร้างถนนสายเกาะกง-สะแลอัมเปิล วงเงิน 867 ล้านบาท ทั้งสองโครงการได้เบิกเงินกู้หมดแล้ว อยู่ระหว่างการชำระดอกเบี้ยปีละ 10 ล้านบาท และจะเริ่มชำระคืนเงินต้นปีละ 60 ล้านบาทในอีก 8 ปีข้างหน้า ส่วนโครง การสร้างถนนสายช่องจอม -โอเสม็ด วงเงิน 1,400 ล้านบาท เพิ่งมีการลงนามในสัญญาไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้
       
       นายกรณ์กล่าวว่า การลดระดับความสัมพันธ์ของประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาจะไม่มีผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ เพราะเชื่อว่าทั้งสองประเทศยังมีความสัมพันธ์ทางนิติกรรมร่วมกันอยู่ ส่วนการอนุมัติงบประมาณจากกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านในการก่อสร้างถนนสายเสียมเรียบ-สุรินทร์ ขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่ได้เบิกจ่ายงบประมาณแต่อย่างใด ส่วนจะมีการอนุมัติหรือไม่นั้นต้องรอดูความเหมาะสมในรายละเอียดที่ประเทศกัมพูชาจะเสนออีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยเองก็ยังคงสงวนท่าทีอยู่
       
       ในงบประมาณในส่วนที่เบิกจ่ายไปแล้วนั้น เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบ เพราะว่าเงินกู้ในกองทุนดังกล่าวมีไว้ช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านที่ยังต้องการความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจซึ่งประเทศกัมพูชาเองก็เข้าข่าย อีกทั้งระยะเวลาในการชำระคืนและอัตราดอกเบี้ยถือเป็นการผ่อนผันกันค่อนข้างมากอยู่แล้วจึงไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
       
       ”ส่วนตัวแล้วไม่แน่ใจในการตัดสินใจของผู้นำทางการเมืองของประเทศกัมพูชาว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในกัมพูชาโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมเชื่อว่าการลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาจะไม่ส่งผลต่อการเป็นผู้นำอาเซียนของไทย” รมว.คลังกล่าว
       
       ด้านสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงต่างประเทศ ยืนยันว่า นักเรียนทุนของกัมพูชาที่ได้รับทุนให้ เปล่าของรัฐบาลไทยจำนวน 110 ทุน งบประมาณปีละ 30 ล้านบาท จะได้รับทุนจนศึกษาจบตามหลักสูตร เนื่องจากเป็นความร่วมมือที่ตกลงกันมาก่อนหน้า แต่ในส่วนของ ทุนการศึกษาใหม่ ๆ ที่เดิมจะต้องมีการให้ความช่วยเหลือทุกปีนี้นั้น อาจจะต้องชะลอการเจรจาร่วมกันไปก่อน.


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

เลิกเอ็มโอยูเขตทับซ้อน “ทักษิณ-ฮุนเซน” ก็ป่นปี้ !!
blank.gif
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์8 พฤศจิกายน 2552 23:32 น.

"ผ่าประเด็นร้อน"
       
       เป็นที่เข้าใจตรงกันไปแล้วว่าเวลานี้ ทักษิณ ชินวัตร ถูกตราหน้าเป็น “คนขายชาติ” หรือ “คนทรยศชาติ” เรียบร้อยแล้ว หลังจากยอมรับเป็นที่ปรึกษาทั้งในฐานะส่วนตัวของ“ฮุน เซน” และที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา
       
       ในที่นี้ยังรวมไปถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็น“ผู้รับใช้” คนใหม่ที่เคลื่อนไหวนำร่องป่วนไปก่อนหน้า พ่วงไปอีกคนหนึ่งด้วย
       
       การออกแถลงการณ์โดยรัฐบาลกัมพูชาที่และเป็นกฤษฎีกาแต่งตั้งโดยกษัตริย์กัมพูชา นั่นยังหมายรวมถึง ทักษิณ ชินวัตร ได้กลายเป็นข้าขอบขันธสีมาของราชอาณาจักรกัมพูชาไปแล้ว เพราะที่ผ่านมา เขาไม่เคยยอมรับคำพิพากษาของศาลไทย ที่กระทำโดยพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
       
       หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาถือว่า ทักษิณ และเหล่ากุนซือได้คาดการณ์ผิดอย่างแรง เพราะตอนแรกคงมั่นใจว่าการส่งสัญญาณให้รัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจเพราะหวังจะนำมาเคลมกับคนไทยบางกลุ่ม และรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการแสดงให้เห็นว่าขณะที่คนไทยปฏิเสธตัวเขา แต่กลับมีรัฐบาลต่างชาติเห็นความสำคัญ เห็นความสามารถเหมือนกับกรณีที่เคยได้รับจากรัฐบาลประเทศด้อยพัฒนายากจนระดับรั้งท้ายของโลก เช่น นิคารากัว หรืออีกบางประเทศในแอฟริกา เป็นต้น
       
       แม้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมัน หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธห้ามเข้าประเทศก็ตามที
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อเอาเข้าจริงทุกอย่างกลับตาลปัตร ตรงกันข้าม เพราะงานนี้มีศักดิ์ศรีของชาติมาเกี่ยวข้อง เป็นผลประโยชน์ของชาติที่ต้องมาก่อน เหนือสิ่งอื่นใด
       
       ไม่เชื่อลองพิจารณาจากผลโพลสำนักต่างๆ ออกมาตรงกัน พากันสวดยับ ทั้ง ทักษิณ ทั้ง พล.อ.ชวลิต ถูกชี้หน้าด่าเป็นคนขายชาติ คนทรยศ เปรียบเหมือน ออกญาจักรี เปิดประตูให้ศัตรูมาเผาเมือง มาฆ่าคนไทย ดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ไปโน่น
       
       เมื่อเกมพลิกกลับแบบไม่คาดหมายแบบนี้ ทำให้ทั้ง ทักษิณ และพลพรรคเพื่อไทยรวมไปถึงลิ่วล้อทั้งหลายต่างอึ้งไปตามๆ กัน เพราะยิ่งชื่นชม ขอบคุณผู้นำกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชามากเท่าไร ก็ยิ่งเข้าเนื้อ
       
       อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า กรณีของ “พระยาละแวก” ในสมัยประวัติศาสตร์ยุค “พระนเรศวรมหาราช” ยังฝังใจคนไทยไม่อาจลืมเลือนไปได้ง่ายๆ
       
       การประกาศลดระดับความสัมพันธ์กับรัฐบาลกัมพูชาของรัฐบาลไทย โดยการเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับมา พร้อมทั้งทบทวนความร่วมมือและความช่วยเหลืออื่นๆ ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอย่างไม่น่าเชื่อ และยังทำให้ความนิยมในตัวของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พุ่งกระฉูดอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
       
       ล่าสุด จากผลสำรวจพบว่าคนไทยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 สนับสนุนนายกรัฐมนตรี และเกือบร้อยละ 78 สนับสนุนให้รัฐบาลชุดนี้ทำงานต่อไป และคนไทยถึงร้อยละ 88.1 ยังเห็นว่า ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
       
       เมื่อผลออกมาแบบนี้สำหรับ ทักษิณ จะไม่เรียกว่าย่อยยับได้อย่างไร !!
       

       นอกจากนี้ผลจากการเดินหมากผิดครั้งเดียวจนพังทั้งกระดาน ทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ฉวยโอกาสรุก ยกเลิกบันทึกความเข้าใจหรือ เอ็มโอยูไทย-กัมพูชา กรณีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่เคยลงนามเอาไว้สมัย รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2544-46
       
       รู้กันอยู่แล้วว่าพื้นที่บริเวณเขตทับซ้อนถือเป็นหัวใจผลประโยชน์ของ ทักษิณ และฮุนเซน เลยทีเดียว เพราะเชื่อว่าเป็นแหล่งทรัพยากรด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล ซึ่งที่ผ่านมา ทักษิณ พยายามเจรจาเข้าไปลงทุนแบ่งผลประโยชน์กับผู้นำกัมพูชามานานแล้ว
       
       ดังนั้นเมื่อยกเลิกเอ็มโอยูดังกล่าวก็เหมือนกับการทุบหม้อข้าวดีๆ นี่เอง
       

       ขณะเดียวกันเมื่อแยกพิจารณาเฉพาะ ฮุนเซน โดดๆ ก็ถือว่าเข้าเนื้อไม่แพ้กัน จะด้วยรับรู้ข้อมูลมาจากใครไม่อาจทราบได้ และคงไม่นึกว่ากระแสภายในประเทศไทยจะพลิกกลับแบบนี้ ทำให้ฝ่ายทักษิณ เพลี่ยงพล้ำทุกอย่างก็หมุนกลับไปมัดคอตัวเองทันที เพราะหากกล่าวกันตามความจริงเศรษฐกิจของกัมพูชายังต้องพึ่งพาไทยมากกว่าไทยต้องพึ่งกัมพูชา แม้ว่าอาจมีเวียดนาม หรือชาติอื่นเข้ามาช่วยเหลือ แต่ชายแดนด้านตะวันออกยังต้องพึ่งไทยวันยังค่ำ
       
       แค่บ่อนกาสิโนตามชายแดนที่รายได้เกือบทั้งหมดมาจากนักพนันไทยทั้งสิ้น และยิ่งรัฐบาลไทยจำกัดความขัดแย้งอยู่ในวงจำกัด ก็ยังทำให้ ฮุน เซน ไม่อาจปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาเขตแดนด้านเวียดนามได้เหมือนก่อน
       
       ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากภาพรวมทั้งหมดการเดินหมากพลาดคราวนี้ทำให้ ทักษิณ และ ฮุนเซน ต้องขาดทุนป่นปี้ โอกาสที่ก่อม็อบป่วนในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์ข้างหน้า ก็ยิ่งหมดความชอบธรรม ยิ่งจะทำให้คนไทยเกลียดชังมากขึ้น ข้อหาคนขายชาติจะยิ่งดังกระหึ่มมากยิ่งกว่าเดิม !!


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Loas can't play this kind of policy, because our country is just a province of Vietnam. We can ignore that, but it is well known in the region

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

Oh, do not compare democracy with Laos, because we all knew that we have different system of “Democracy” Thanks !
^
^
^
I'm confused.  Laos is a communist country right !!!!!  not a democratic one.



no Peanut brain no Communist does not mean there is no democracy, do you know the meaning of LAO P.D.R ? And do not try to think democracy is only "free of speech"... because democracy is more than that wink

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

Anonymous wrote:

Oh, do not compare democracy with Laos, because we all knew that we have different system of “Democracy” Thanks !
^
^
^
I'm confused.  Laos is a communist country right !!!!!  not a democratic one.



no Peanut brain no Communist does not mean there is no democracy, do you know the meaning of LAO P.D.R ? And do not try to think democracy is only "free of speech"... because democracy is more than that wink

 



5555 you just gave them their own medicine. I'm sure he will understand because yellow shirt keep saying that democracy is not only the erection.

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed


Spinning for the government and a push poll?

The
Bangkok Post:

The popularity of the Abhisit Vejjajiva government has soared after its diplomatic protest against Phnom Penh's appointment of convicted Thaksin Shinawatra as an economic adviser, an opinion poll has found.

The Nation:

The popularity rating of Prime Minister Abhisit Vejjajiva has tripled after his decisive action to downgrade the diplomatic ties with Cambodia, Abac Poll said in a survey released on Friday.

BP: The problem with this, as already noted on Twitter (Part 1; Part 2; Part 3; Part 4; Part 5) is that the ABAC poll surveyed people between October 25-November 5 and the government only took action in downgrading relations in the afternoon of November 5. Hence, there is no basis to interpret the poll as support for the government's decision to downgrade relations. To say so is misleading at best. One wonders if any of the journalists who wrote the stories bothered to read the poll.

The result of the poll is that within six weeks the Abhisit government's popularity increased from 23% to 69% (Siam Report has translated the poll here). This is a very rapid rise. Now, over the last couple of weeks there has been tension between Cambodia and Thailand and usually when there is any sense of a crisis, people usually rally behind the government. Therefore, it is not unusual for support to increase. However, this poll borders on being a push poll. Just before asking people whether they support the Abhisit government, it asks those it surveyed:

"Are you aware that the Cambodian leader gave an interview attacking the Thai judicial system?" (การรับทราบข่าว ผู้นำประเทศกัมพูชาให้สัมภาษณ์โจมตีกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศไทย)

BP: This asserts something as fact and is a method used in push polls to skew results. To be frank, this is annoying as it would be nice to know whether support of the government has really increased - although it was only two weeks ago that Thaksin was still ahead of Abhisit.* Unfortunately, it seems we will never know and the only thing one can see happening is that unless there is another leading question to preface the next poll, the Abhisit govenment's support will decrease. If it does, you should not compare it with this poll, but the previous poll with the Abhisit government being on 23%.

* The mistake with that poll was that it didn't ask people beforehand if they were aware whether Thaksin liked to kill baby elephants and eat them.



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

we are lao we love peace !
a philosophy of the west says
raise a conflict with neighbours  will led your
country down and down never get up


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Speak-out wrote:

 

Anonymous wrote:

 

I wonder what kind of language Lao Prime Minister talking to Kampuchia Prime Minister, the picture presented an awkward moment, doesn't it?




The man spoken five languages, Didn't you know that???

 



NO  THEY DON'T KNOW THAT HE SPEAK 5 LANGUAGE. THEY KNOW ONLY PM OF LAOS NOT FINISH POR 4 THAT ALL I SAW THEY SAY.

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

best for Lao gov to stay neutral and not take sides, but definately be very aware of  activities surrounding our neighbors.  Policitics is so ugly. 



__________________


Guru

Status: Offline
Posts: 500
Date:
Permalink Closed

For the most part, Thaksin did a lot of leg work in thrusting Thailand to its economic gains. if this knowledge and experience will help another country, why not?






__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

You must have thought about what i said superficially! I meant others, NOT ABOUT YOU AND YOUR WEB!

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

ນີ້ແລະເນາະເຂົາວ່າປະເທດໃດທີ່ບໍ່ມີຄວາມໝັ້ນຄົງທາງດ້ານການເມືອງ,ປະເທດໃດທີ່ບໍ່ມີຄວາມສະຫງົບ
ພາຍໃນ,ປະເທດນັ້ນຈະມີແຕ່ຄວາມວຸ້ນວາຍ. ຂະໜາດວ່າເອົາບັນຫາຂອງຂ້າງບ້ານມາແລກປ່ຽນຄວາມ
ຄິດເຫັນຊື່ໆໃດນີ້,ຄົນລາວນຳກັນຍັງຮ້ອນແຮງຂະໜາດນີ້. ຖ້າວ່າສົງຄາມເກີດຂື້ນພາຍໃນປະເທດເອງ
ຢ້ານປານສົງຄາມຕອນສະຫຍາມມາເຜົາວຽງຈັນໃໝ້ສາມມື້ສາມຄືນບໍ່ມອດບໍ່ຈັກ.
ລາວຕ້ອງມີທ່າທີທີ່ເປັນກາງແລະບໍ່ແຊກແຊງລະບົບການເມືອງຂອງປະເທດໃດແມ່ນຖືກຕ້ອງທີ່ສຸດ.


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

Oh, do not compare democracy with Laos, because we all knew that we have different system of “Democracy” Thanks !
^
^
^
I'm confused.  Laos is a communist country right !!!!!  not a democratic one.



REF:    Anonymous said Laos is communist country! not a democratic one.

You're 100% right on and I'll drink to that!!

 



__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

“ปฏิบัติการรุกฆาตเลิก MOU 2544” ทักษิณมาเขมรก็เจ๊ง ไม่มาก็หมา !
blank.gif
โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์10 พฤศจิกายน 2552 12:15 น.
blank.gif
       37 ปีก่อน กัมพูชาได้ประกาศขอบเขตไหล่ทวีปเมื่อปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นการขีดเส้นพื้นที่ทางทะเลตามอำเภอใจ เพราะมีการลากเส้นจากหลักเขตทางบกที่ 73 ของไทยและกัมพูชา ออกมาเป็นเส้นขอบเขตไหล่ทวีปผ่านเกาะกูดของไทยโดยไม่สนใจพื้นที่ทั้งตัวเกาะกูดและอาณาเขตรอบเกาะกูดอย่างน้อย 3 ไมล์ทะเล (ปัจจุบันอย่างน้อย 12 ไมล์ทะเล) นอกจากนี้ยังมีการกำหนดเส้นฐานในการลากขอบเขตไหล่ทวีปไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลอีกด้วย
       
       การลากเส้นไหล่ทวีป ในปี พ.ศ. 2515 ของกัมพูชาครั้งนั้น ไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล เป็นการลากเส้นตามใจชอบและเอาแต่ได้เพื่อให้พื้นที่ทางทะเลมากที่สุดอย่างไม่มีเหตุผล
       
       ต่อมาหลังจากนั้น 1 ปี พ.ศ. 2516 ประเทศไทยแสดงการไม่ยอมรับการลากเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา โดยการประกาศเส้นไหล่ทวีปด้วยตัวเองเสียใหม่ โดยเส้นช่วงแรกลากออกมาจากหลักเขตทางบกที่ 73 ออกมาใช้แนว “แบ่งครึ่งมุม” ระหว่าง “เกาะกูดของไทย” กับ “เกาะกงของกัมพูชา” ส่วนที่เหลือเป็นเส้นแบ่งครึ่งทะเลระหว่างแนวเกาะของไทยกับ กัมพูชาโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” (Equidistance line) ตามหลักสากล ซึ่งหมายความว่าเป็นเส้นที่ลากขึ้นซึ่งอยู่ตรงกลางจากการ “วัดระยะทางที่เท่ากัน” ระหว่างดินแดนไทยและดินแดนกัมพูชา
       
       สรุปได้ว่าเขตไหล่ทวีปที่ประเทศไทยได้ประกาศในปี พ.ศ. 2516 นั้น มีหลักวิชาการรองรับและเป็นการปฏิบัติตามหลักสากล ฝ่ายไทยจึงได้ยึดถือเส้นขอบเขตของไหล่ทวีปนี้และมีกองทัพเรือคอยลาดตระเวนโดยตลอด โดยในทางปฏิบัติฝ่ายกัมพูชาไม่สามารถเข้ามารุกล้ำหาผลประโยชน์ในอธิปไตยของไทยได้
       
       เขตไหล่ทวีปตามที่ประเทศไทยได้ประกาศในปี พ.ศ. 2516 นั้น ฝ่ายไทยก็ได้ยึดถือและให้สัมปทานขุดเจาะสำรวจพลังงานมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่เคยทักท้วงเป็นเวลา 36 ปี
       
       18 มิถุนายน 2544 สมัยรัฐบาลทักษิณ ประเทศไทยได้ไปลงนามบันทึกความเข้าใจ 2544 หรือที่เรียกว่า “MOU 2544” ด้วยการยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากขึ้นในปี 2515 และเรียกพื้นที่ที่เกิดขึ้นจากการประกาศเส้นขอบเขตไหล่ทวีปของทั้งสองประเทศว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 24,600 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 15 ล้านไร่
       
       นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน 18 มิถุนายน 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา กับนายฮุน เซน
เพื่อแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ได้อนุมัติการลงนามใน MOU 2544 ฉบับดังกล่าวซ้ำไปอีกครั้งหนึ่งด้วย
       
       การเริ่มต้นยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากขึ้นในปี 2515 ซึ่งลากมาแบบเถื่อนๆว่าเป็นเส้นที่ถูกต้องและกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนนั้น ย่อมหมายถึง “การกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด” ที่จะทำให้เม็ดอื่นๆทั้งหมดผิดไปด้วย ทั้งในเรื่องอธิปไตยและเขตประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลประโยชน์ทางพลังงานในอ่าวไทย
       
       MOU 2544 ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือตั้งแต่ละติจูด 11 องศาเหนือขึ้นไปเป็นพื้นที่ที่กำหนดให้มีการแบ่งเขตทางทะเล และส่วนที่สองคือตั้งแต่ละติจูด 11 องศาเหนือลงมาคือพื้นที่ที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพัฒนาสรรผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศ ตามปรากฏในภาพที่ 1
       
       พื้นที่ที่ละติจูดที่ 11 องศาเหนือลงมานั้นมีพื้นที่ประมาณ 16,000 ตารางกิโลเมตร มีแหล่งพลังงานมหาศาลรวมประมาณไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านบาท ที่ไทยกับกัมพูชายินยอมที่จะมาแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน

552000014635601.JPEG
ภาพที่ 1 แสดงการแบ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทางทะเลต่ำกว่าละติจูด 11 องศาเหนืองลงมา ตาม MOU 2544
blank.gif
       “เส้นเขตไหล่ทวีป” จะวัดออกมาจากเส้นฐานของแต่ละประเทศไปจนถึงระดับน้ำทะเลลึก 200 เมตร แต่ในอ่าวไทยทั้งหมดมีระดับน้ำลึกเพียงแค่ 80 เมตร การเกิดพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาจึงต้องเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีทางที่จะเหมือนกับพื้นที่ทับซ้อนซึ่งไปลงนามกันใน MOU 2544 และแถลงการณ์ร่วมฯ 2544 ซึ่งแท้ที่จริงแล้วหากปฏิบัติตามมาตรฐานสากลพื้นที่ทับซ้อนน้อยกว่านั้นมาก ดังปรากฏตามภาพที่ 2

552000014635602.JPEG
ภาพที่ 2 ภาพพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปที่ควรจะเป็นระหว่างไทย-กัมพูชา
blank.gif
       MOU 2544 และแถลงการณ์ร่วมฯ 2544 จึงถือเป็นผลประโยชน์อันมหาศาลที่รัฐบาลทักษิณได้มอบให้กับกัมพูชาอย่างที่ไม่เคยได้มาก่อน!
       
       


__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

“ปฏิบัติการรุกฆาตเลิก MOU 2544” ทักษิณมาเขมรก็เจ๊ง ไม่มาก็หมา ! (2)



หลังจากการลงนามใน MOU 2544 และแถลงการณ์ร่วมฯ 2544 ไม่นาน ปตท.ก็แปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปลายปีเดียวกัน หลังจากนั้น ปตท.สผ.ก็ตามเข้าตลาดหลักทรัพย์เข้ามาอีก และปตท.สผ. ก็กลายเป็นตัวละครสำคัญในการขุดเจาะสำรวจแหล่งพลังงานในอ่าวไทยทั้งในฝั่งไทยและกัมพูชา
       
       16 กุมภาพันธ์ 2547 มหาเศรษฐีห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ (Harrods) โมฮัมหมัด อัล ฟาเยด เพื่อนสนิทพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ขาย บริษัท แฮร์รอดส์ เอ็นเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) ให้กับบริษัท Pearl Energy Pte. Ltd. ที่มีฐานอยู่ในสิงคโปร์ และเปลี่ยนชื่อเป็น เพิร์ล ออย และเมื่อสืบสาวต้นทางจะพบกลุ่มทุนเทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวผ่านทาง Mubadala Development หลังจากที่ได้รับสิทธิสำรวจน้ำมันใน 4 แปลงขุดเจาะในอ่าวไทย คือ B2/38, B11/32, B11/38 และ B12/32. ห่างจากชายฝั่งระยอง 150 กิโลเมตร โดยมีศักยภาพในการขุดเจาะน้ำมันวันละ 8,000 บาร์เรล ซึ่งในการสำรวจขุดเจาะครั้งนั้น แฮรอดส์ เอ็นเนอร์ยี่ ถือหุ้น 50% ในการลงทุนสำรวจขณะที่ ปตท.สผ. ถือหุ้น 50%ที่เหลือ
       
       ทุกวันนี้ เพิร์ล ออย ยังคงได้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง เช่น แปลง B 5/27 ที่แหล่งจัสมิน และ B12/32 ณ แหล่งบุษบงในอ่าวไทย เป็นต้น ส่งต่อน้ำมันดิบให้กับ ปตท.สผ. ภายใต้สัญญาซื้อ-ขาย 20 ปี เช่นเดียวกับเมื่อ 8 ธันวาคม 2549 เพิร์ล ออย ก็ได้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มในแปลง G10/48 บริเวณตอนใต้ของอ่าวไทย
       
       2548 บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (PTTEPI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท. ได้ร่วมทุน 30% กับอีก 2 บริษัท คือ บริษัท Resourceful Petroleum Ltd. และ SPC Cambodia Ltd. อีก 10% เป็นของ CE Cambodia B Ltd. ได้รับสัมปทานขุดเจาะแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในกัมพูชา แต่ยังมีพื้นที่แหล่งนี้ที่กัมพูชาเรียกว่า “บล็อก B” และ ปตท.สผ. ตั้งรหัสว่าโครงการจี 9/43 มีการพบเบื้องต้นว่ามีน้ำมันและก๊าซจำนวนมาก ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา
       
       ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าบริษัทเหล่านี้แท้ที่จริงแล้วทำงานหรือถือหุ้นแทนนักการเมืองไทยคนใดหรือไม่? แต่ต้องไม่ลืมว่า นักโทษชายทักษิณ คือเพื่อนสนิทของ โมฮัมหมัด อัล ฟาเยด ที่เคยชวนกันไปเตรียมลงทุน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ และพลังงาน ด้วยการสัมปทาน “เกาะกง” ด้วยความฝันในอนาคตที่วาดกันไว้บนพื้นฐานของแหล่งพลังงานในอ่าวไทยที่จะเอื้อประโยชน์ให้กัมพูชา
       
        การที่รัฐบาลประกาศยกเลิก MOU 2544 ครั้งนี้ จึงถือเป็นการสั่งสอน นายฮุน เซน และ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เหมือนกับปฏิบัติการยิงธนูทะลุกลางใจจนต้องแทบกระอักเลือด
       
        ฝ่ายกัมพูชา โดยนายฮุน เซน เท่ากับถูกฝ่ายไทยยกเลิกข้อตกลงที่ทำให้ฝ่ายกัมพูชาได้เปรียบมาตั้งแต่ปี 2544 เพราะ MOU 2544 ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาแบ่งผลประโยชน์ในอนาคตทางพลังงานอย่างมหาศาล
       
        ฝ่ายนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้เคยประกาศเตรียมตัวไปลงทุนเกาะกง เพื่อสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ และลงทุนทางด้านพลังงานในฝั่งกัมพูชา แต่ถ้าฝ่ายไทยตกลงกันไม่ได้เรื่องผลประโยชน์ทางพลังงานที่จะเอื้อให้กับกัมพูชา การลงทุนสัมปทานในเกาะกงก็คงเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าในการลงทุน อย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้
       
        ยิ่งกระแสข่าวลือหนาหูว่าการหนุนนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร แบบสุดตัวครั้งนี้ของกัมพูชา เพราะฮุน เซน ต้องการเรียกให้มาเริ่มลงทุนในเกาะกงตามสัญญา มิฉะนั้นเกาะแห่งนี้อาจต้องถูกยกเลิกสัมปทานแล้วเอาไปให้คนอื่น ก็พอคาดการณ์ได้ว่าการยกเลิก MOU 2544 ครั้งนี้มันสะเทือนกระเป๋านายฮุน เซน มากขนาดไหน?
       
        ฮุน เซน นั้นเป็นคนที่เก็บอาการไม่อยู่ มองผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง กลัวปิดด่านเพราะเสียผลประโยชน์จากบ่อนคาสิโน กลัวยกเลิก MOU 2544 ก็เพราะความโลภห่วงกระเป๋าเงินของตัวเองทั้งสิ้น
       
        ในขณะที่นักโทษชายทักษิณ หากไม่ไปกัมพูชานอกจากจะเสียคนกับเขมรแล้วก็อาจจะสูญเสีย “เกาะกง”ฐานที่มั่นสุดท้ายที่ติดชายแดนไทยอีกด้วย แต่ถ้าจะไปกัมพูชาก็คงจะต้องคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าไปครั้งนี้จะโดนรีดไถจากนายฮุน เซนในภาวะที่หน้ามืดตามัวมากน้อยแค่ไหน? จะออกจากกัมพูชาได้หรือไม่? และจะถูกตามไล่ฆ่าจากอริเดิมที่เคยอยู่เมืองไทยแต่ต้องหนีไปอยู่ที่กัมพูชาหรือไม่? และจะถูกนายฮุน เซนหักหลังส่งตัวกลับไทยหรือไม่?
       
        โดยเฉพาะในยามที่ นายฮุน เซน กำลังต้องการหาอะไรบางอย่าง เพื่อไปแลกอะไรบางอย่างกับประเทศไทย เพื่อให้ได้ผลประโยชน์กลับคืนมาให้ได้ ตามประสาคนโลภ!
       
        และในที่สุดนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไม่มีทางเลือก จึงได้เดินทางไปที่เกาะกงเพื่อเดินเกมปิดให้เร็วที่สุดในการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐบาลเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552
       
        ไหนๆ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตรพูดก็ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์ออนไลน์ จาบจ้วงพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยนึกว่าจะมีคนไทยคนไหนบังอาจได้ถึงเพียงนี้
       
        ไหนๆนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งย่ำยีหนีศาลซึ่งกระทำในพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งราชอาณาจักรไทย มาเป็นที่ปรึกษาของกัมพูชาในพระบรมราชโองการของกษัตริย์ราชอาณาจักรกัมพูชาอยู่แล้ว...

       
       ผู้สนับสนุนนักโทษชายทักษิณ ก็ควรจะเชียร์ให้นักโทษชายทักษิณ อยู่รับใช้เป็นขี้ข้าเขมรนานๆ เพื่อชดใช้กรรมที่ตัวเองได้ก่อขึ้น
       
        เพราะถ้านักโทษชายทักษิณมาเป็นขี้ข้าในดินแดนเขมรเมื่อไร ความสามัคคีของคนไทยจะเกิดขึ้นมาในชาติอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะประชาชนแห่งราชอาณาจักรไทยจะได้รู้ธาตุแท้ว่า ใครเป็นคนทรยศชาติ และใครเป็นคนขายชาติที่แท้จริง !

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000135206

__________________
Anonymous

Date:
Permalink Closed

Anonymous wrote:

ดังนั้น การแต่งตั้งอดีตนายกฯ ไทยเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลเพื่อนบ้านอย่างเขมรที่ไม่เคยมีความจริงใจใดๆ กับประเทศไทย โดยใช้พระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ของเขมรมารับรองคุณงามความดีของอดีตนายกฯ ไทย ที่มีคำพิพากษาติดคุก 2 ปี ย่อมมองเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณกำลัง "ทรยศต่อชาติ" เพื่อมุ่งใช้กองกำลังของต่างชาติมาล้มล้างอำนาจศาลไทย และกลับเข้ามีอำนาจทางการเมือง แล้วชดใช้บุญคุณให้กับผู้นำเขมรสมเด็จฮุนเซนที่แทบไม่มีอะไรจะเสียเลยกับเกมนี้ที่มีแต่ได้

เอาแค่ "ตอกลิ่ม" ให้คนไทยแตกแยกรุนแรงมากขึ้นจนยากจะแก้ไขได้แล้ว ย่อมส่งผลทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีสมาธิไม่เป็นอันบริหารประเทศได้อย่างปกติสุข

ธาตุแท้ของ "อดีตนายกฯ ทักษิณ" คือ นายทุนสามานย์ที่ไร้คุณธรรม จึงไม่มียางอายใดๆ ในการคิดแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวทุกขณะ แล้วพยายามทำให้ค่านิยม "โกงบ้างแต่ทำงาน" กลายเป็นค่านิยมที่ถูกต้องชอบธรรมของสังคมไทย เช่นเดียวกับค่านิยม "บกพร่องโดยสุจริต" ที่เป็นประโยคเลวที่สุดที่ทำให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมไร้คุณธรรม ด้านได้อายอด-ทำชั่วกลับได้ดี-ทำดีมีคุณธรรมกลับถูกมองว่าพวกหน้าโง่

ตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" ของประเทศไทย เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยศและศักดิ์สิทธิ์ในการอุทิศตนทำงานเพื่อประเทศชาติโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ซึ่งจะต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเกือบทั้งหมด ยกเว้น "อดีตนายกฯ ทักษิณ" และข้าทาสบริวารของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่มีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 3 คน คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ สมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้คนบนแผ่นดินนี้ยังเต็มใจยกมือไหว้ได้ไม่ตะขิดตะขวงใจในความดีงามในการทำงานเพื่อประเทศ ที่ยังหลงเหลืออยู่พอสมควร

แต่อดีตนายกฯ ทักษิณกับอดีตนายกฯ ที่เป็นทาสน้ำเงินอีก 2 คน (ยกเว้นอดีตนายกฯ สมัครที่นอนป่วยหนักในโรงพยาบาล) กำลังนำความแค้นส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนตนมาปลุกปั่น สร้างปัญหาบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ และปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นไปทั่วบ้านทั่วเมือง

นายกรัฐมนตรีของไทยเป็นตำแหน่งผู้นำประเทศสูงสุด ที่สามารถเข้าถึงชั้นความลับข้อมูลขั้นสุดยอดด้านความมั่นคงของชาติ ทั้งทางทหารที่รับรู้ข้อมูลความลับตำแหน่งกองกำลังและอาวุธทุกอย่างของประเทศที่มีไว้ในการปกปักรักษาแผ่นดินไทย ข้อมูลทางการเงินและเศรษฐกิจที่มีการเก็บรักษาทรัพย์สมบัติของชาติไว้ที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย แผนการพัฒนาประเทศในเชิงลึกในระยะยาว ฯลฯ

การปลุกเร้าคนไทยให้หลงผิดไปเห็นดีเห็นงามกับการรับตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้นำประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านเกเรนักเลงโตอย่างผู้นำเขมรคนนี้ ที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับประเทศไทยมาโดยตลอด แล้วอาศัยปากของผู้นำชาติเขมรมาดูหมิ่นศาลไทย และให้ร้ายประเทศบ้านเกิดตัวเอง

เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตนหวังอาศัยกองกำลังต่างชาติเข้ามาช่วยให้กลับมามีอำนาจทางการเมืองครั้งใหม่ ย่อมคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ กับอดีตนายกฯ ชวลิต กำลังสมคบกัน "ทรยศหักหลังต่อชาติ" ถือเป็นพวกกบฏล้มล้างประเทศด้วยกองกำลังต่างชาติ หากจับตัวได้จะต้องถูกลงโทษสถานเดียว "ประหารชีวิต!"



Would you shut up your bravo about him...We are here to discuss about Laos and its habitants. This is obsulutely disturbing us with f n Thai writing here, we do not fancy with it that much...

 



__________________
«First  <  1 2 | Page of 2  sorted by
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard